วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เภสัชกรหญิง ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร. กฤษณา ไกรสินธุ์


เภสัชกรหญิง ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร. กฤษณา ไกรสินธุ์


เป็นเภสัชกรชาวไทยที่อุทิศตนช่วยเหลือผู้ป่วยในการผลิตยาในทวีปแอฟริกาและเอเชีย กฤษณาเป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บิดาและมารดาเป็นบุคคลากรทางสาธารณสุขทั้งคู่ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอประกอบวิชาชีพทางสาธารณสุขเช่นกัน
กฤษณาจบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ณ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ มหาวิทยาลัยสตราห์ไคลด์ และปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี มหาวิทยาลัยบาธ สหราชอาณาจักร หลังจากจบการศึกษาแล้ว กฤษณาได้กลับมาดำรงตำแหน่งอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมี ในปี พ.ศ. 2524 ต่อมาได้ทำงานในองค์การเภสัชกรรมและเป็นผู้ริเริ่มการวิจัยยาต้านเอดส์จนสามารถผลิตยาสามัญชื่อ "ยาเอดส์" ได้เป็นครั้งแรกในประเทศกำลังพัฒนา เธอดำรงตำแหน่งสุดท้ายในองค์การเภสัชกรรมคือผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม
ภายหลังลาออกจากองค์การเภสัชกรรม กฤษณาได้เริ่มต้นการทำงานในประเทศคองโกเป็นประเทศแรก และประสบความสำเร็จในการผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ชื่อ "Afrivir" โดยมีส่วนผสมเหมือนยาที่ผลิตในประเทศไทย หลังจากนั้นก็ได้ช่วยเหลือประเทศอื่นๆในทวีปแอฟริกากว่าอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเอริเทรีย แทนซาเนีย เบนิน และไลบีเรีย
ผลงานของกฤษณาเป็นที่สนใจในวงกว้างขึ้น เมื่อมีการนำไปตีพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของบทความภาษาเยอรมัน และมีการสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติของเธอ เรื่อง อะไลฟ์ทูลิฟ - เอดส์เมดิเคชันออฟมิลเลียนส์ (อังกฤษ: A Right to Live - Aids Medication for Millions) ในปี พ.ศ. 2549 รวมถึงการสร้างภาพยนตร์บรอดเวย์ชื่อ คอกเทลล์ (อังกฤษ: Cocktail) ในปี พ.ศ. 2550 นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (อังกฤษ: Global Scientist Award) จากมูลนิธิเลตเต็น ประเทศนอร์เวย์ ประจำปี พ.ศ. 2547 รางวัลบุคคลแห่งปีของเอเชียประจำปี พ.ศ. 2551 และรางวัลแมกไซไซสาขาบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. 2552 ปัจจุบันกฤษณาดำรงตำแหน่งคณบดีเกียรติคุณของคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ประวัติ
วัยเยาว์และชีวิตการทำงานในไทย [2495 - 2545]
กฤษณาเกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 เป็นชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางตอนใต้ของประเทศไทย บิดาและมารดาเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางสาธารณสุขทั้งคู่ บิดาเป็นแพทย์และมารดาเป็นพยาบาล เติบโตในวัยเยาว์ที่เกาะสมุย จนกระทั่งย้ายเข้ามาศึกษาระดับมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนราชินี และเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ณ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นเธอได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ มหาวิทยาลัยสตรัชคไลด์ และปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี มหาวิทยาลัยบาธ สหราชอาณาจักร ภายหลังสำเร็จการศึกษาแล้วเธอได้ทำงานเป็นอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเภสัชเคมีในปี พ.ศ. 2524 ก่อนจะลาออกมาทำงาน ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม
กฤษณาเป็นผู้ริเริ่มการวิจัยยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ในประเทศไทย จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการผลิตยาสามัญชื่อ "ยาเอดส์" เป็นครั้งแรกในโลก ในปี พ.ศ. 2538 โดยประสบความสำเร็จในการผลิตยาชนิดแรกคือ "ZIDOVUDINE" (AZT) มีฤทธิ์ในการลดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ภายหลังการค้นคว้าวิจัยต่อยากว่า 3 ปี (พ.ศ. 2536 - 2538) หลังจากนั้นเธอได้ริเริ่มผลิตยาอีกหลายชนิด โดยเฉพาะยา "GPO-VIR" หรือยาต้นเอดส์สตรีคอกเทลล์ ซึ่งเป็นการรวมตัวยารักษาโรคเอดส์กว่า 3 ชนิดในเม็ดเดียวเป็นครั้งแรกในโลก จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2542 องค์การอนามัยโลกเชิญกฤษณาไปที่ทวีปแอฟริกาเพื่อช่วยเหลือด้านเภสัชกรรม หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2545 กฤษณาจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม
งานในทวีปแอฟริกา [2545 - ปัจจุบัน]
ภายหลังกฤษณาลาออกจากสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรมแล้วนั้น เธอได้เดินทางไปยังประเทศคองโกโดยลำพัง เพื่อตั้งโรงงานเภสัชกรรมแห่งแรกที่นั่น ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี และประสบความสำเร็จในการผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ชื่อ "Afrivir" อันมีส่วนผสมของตัวยาเหมือนยาในประเทศไทย ซึ่งผลิตขึ้นได้ครั้งแรกในทวีปแอฟริกา ในปี พ.ศ. 2548 หลังจากนั้นได้เดินทางไปช่วยเหลืองานทางเภสัชกรรม ณ ประเทศแทนซาเนีย โดยสามารถวิจัยและผลิตยา "Thai-Tanzunate" ในประเทศแทนซาเนียได้สำเร็จ อันเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย ซึ่งเป็นโรคระบาดในทวีปแอฟริกา และเดินทางช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ได้แก่ ประเทศอิริคเทอร์เรีย ประเทศเบนิน และประเทศไลบีเรีย
กฤษณาทำงานตามตารางงานของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งไม่มีความแน่นอน ในวันหนึ่งๆ เธออาจพักแรม ณ ประเทศหนึ่งและทำงานในอีกประเทศหนึ่ง ผลงานการทำงานของเธอได้ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์เยอรมันฉบับหนึ่ง ทำให้มีบุคคลสนใจในงานของเธอ และได้มีการนำไปสร้างภาพยนตร์เรื่อง อะไรต์ทีลีฟ - เอดส์เมดิเคชันออฟมิลเลียนส์ (อังกฤษ: A Right to Live - Aids Medication for Millions) ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งได้รับรางวัลเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์กว่า 3 รางวัล รวมถึงการสร้างภาพยนตร์บรอดเวย์สหรัฐอเมริกาชื่อ คอกเทลล์ (อังกฤษ: Cocktail) ในเปิดแสดงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์โลก (อังกฤษ: Global Scientist Award) จากมูลนิธิเลตเต็น ประเทศนอร์เวย์ ประจำปี พ.ศ. 2547  รางวัลบุคคลแห่งปีของเอเชียประจำปี พ.ศ. 2551 รางวัลบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี และรางวัลแมกไซไซสาขาบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. 2552
กฤษณายังได้รับปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิติตมาศักดิ์จากวิทยาลัย Mount Holyoke สหรัฐอเมริกา และเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยสตราห์ไคลด์ ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนราชินีประจำปี นักศึกษาเก่าดีเด่นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันกฤษณายังคงทำงานช่วยเหลือด้านเภสัชกรรมแก่ประเทศในแอฟริกา และดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาองค์กรช่วยเหลือด้านยาของเยอรมนี คณบดีเกียรติคุณของคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ชีวิตส่วนตัว
กฤษณาเติบโตในครอบครัวซึ่งบิดาและมารดาทำงานในด้านสาธารณสุข ทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจและตัวอย่างจากบิดามารดา เมื่อจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาแล้วนั้น เธอเข้าศึกษาต่อในคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อจบการศึกษาเธอต้องการกลับไปทำงานในภูมิลำเนาบ้านเกิดจึงกลับไปเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งขณะนั้น ศาสตร์ด้านเภสัชเคมีไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากนัก
เธอกล่าวว่าเธอมีจุดอ่อนในเรื่องของเด็กๆ เมื่อเธอเห็นเด็กจะสงสารอยู่เสมอ เมื่อได้รับทราบข่าวการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก ทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจขึ้นในการพัฒนายาเอดส์ แม้จะประสบอุปสรรคขัดขวางทั้งจากในและนอกองค์กร อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2538 เธอก็สามารถผลิตยาสามัญ "ยาเอดส์" ได้
เมื่อเธอเห็นว่าความช่วยเหลือเป็นไปได้ดีแล้วนั้น ในปี พ.ศ. 2542 เธอเกิดแรงบันดาลใจต้องการช่วยเหลือประชาชนในประเทศด้อยพัฒนา เมื่อองค์การอนามัยโลกทราบเจตนารมณ์ดังกล่าวของเธอ จึงเชิญให้กฤษณาร่วมดูงานในทวีปแอฟริกาเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยียาไวรัสเอดส์ หลังจากนั้นเธอจึงลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรมเพื่อทำงานช่วยเหลือมนุษยชาติในทวีปแอฟริกาในปี พ.ศ. 2545
การทำงานในแอฟริกาเธอประสบปัญหามากมาย เธอถูกจี้ปล้นในระหว่างการเดินทางและถูกยิงระเบิดที่บ้านพักแต่ระเบิดนั้นพลาดเป้า ผลงานของเธอได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในฝรั่งเศสและเยอรมนี การสร้างละครบรอดเวย์เรื่อง คอกเทลล์ ในสหรัฐอเมริกา และการสร้างละครเวที นางฟ้านิรนาม โดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชีวิตครอบครัว กฤษณาไม่ได้สมรส อาศัยอยู่กับญาติในบางครั้งเพราะทำงานส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกา เธอกล่าวว่า "เราควรทำวันนี้ให้เหมือนกับวันสุดท้ายของชีวิต เพราะนั้นแปลว่าเราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัวอีกต่อไปแล้ว"
งานเขียน

  • เภสัชกรยิปซี (2550) สำนักพิมพ์ลิปส์พับลิชชิง, กรุงเทพมหานคร.
  • เภสัชกรยิปซี 2 : ประเทศแทนซาเนีย (2552) สำนักพิมพ์ลิปส์พับลิชชิง, กรุงเทพมหานคร.
  • เภสัชกรยิปซี 3 : มนตราซาเฮล (2552)affarica ตะวันตก 4 ประเทศ อันได้แก่ เซเนกัล แกมเบีย บูร์กินาฟาโซ และมาลี, เชียงใหม่.
  • เภสัชกรยิปซี 4 : shining black star (2553) ประเทศเคนย่า, สำนักพิมพ์ postbook, กรุงเทพมหานคร.
เกียรติยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
รางวัล
ปี
รางวัล
2553
2553
2552
2552
"เภสัชกรเกียรติยศ" สมาคมเภสัชกรโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย
2552
"รางวัลพลเมืองดีเด่น" สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประเทศไทย
2551
"รางวัลบุคคลดีเด่นของชาติ สาขาพัฒนาสังคม" โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
2551
"ชาวเอเชียแห่งปี 2008" นิตยสารรีเดอร์สไดเจสต์
2550
"Speaker for the Chancellor’s Distinguished Lectureship Series" (Louisiana State University’s premier lecture series), มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตจ สหรัฐอเมริกา
2548
"Reminders Day AIDS Award" (ReD Awards), เบอร์ลิน เยอรมนี
2547
"นักวิทยาศาสตร์โลก" The Letten Foundation, for outstanding scientific contribution in the field of HIV/AIDS, นอร์เวย์
2544
"เหรียญทองยูเรก้า" นิทรรศการนวัตกรรมโลกครั้งที่ 50, สถาบันวิจัยเทคโนโลยีใหม่ กรุงบรัสเซล เบลเยียม
อ้างอิง
1. สุขสันต์วันเกิดแด่เภสัชกรยิปซี เรียกข้อมูลวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
2. เภสัชกรยิปซี 2 : ประเทศแทนซาเนีย เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
3. Commencement Mount Holyoke College เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
4. Asian of the Year: The Medicine Maker เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
5. อยากประกาศให้โลก (คนไทย) รู้.."ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์" เภสัชกร..ผู้ปิดทองหลังพระ จากบล็อกของโอเคเนชัน เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
6. คณะกรรมการจัดการประชุมเตรียมการสมัชชาเภสัชกรรมไทย 100 ปี (พ.ศ. 2556) การประชุมสมัชชาเภสัชกรรมไทย 96 ปี "บทบาทเภสัชกรในการผลิตยาเพื่อสังคม"; กรุงเทพฯ, 2552.
7. คณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เรียกข้อมูลวันที่ 6 มีนาคม 2554
8. rsu.ac.th กรรมการบริหาร มหาวิทยาลัยรังสิต เรียกข้อมูลวันที่ 6 มีนาคม 2554
10. อยากประกาศให้โลก (คนไทย) รู้.."ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์" เภสัชกร..ผู้ปิดทองหลังพระ จากบล็อกของโอเคเนชัน เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
12. Commencement Mount Holyoke College เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
13. Asian of the Year: The Medicine Maker เรียกข้อมูลวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
14. คณะกรรมการจัดการประชุมเตรียมการสมัชชาเภสัชกรรมไทย 100 ปี (พ.ศ. 2556) การประชุมสมัชชาเภสัชกรรมไทย 96 ปี "บทบาทเภสัชกรในการผลิตยาเพื่อสังคม"; กรุงเทพฯ, 2552.
15. คณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เรียกข้อมูลวันที่ 6 มีนาคม 2554
16. rsu.ac.th กรรมการบริหาร มหาวิทยาลัยรังสิต เรียกข้อมูลวันที่ 6 มีนาคม 2554
17. โอเคเนชัน ละครนางฟ้านิรนาม เรื่องราวชีวิต-ผลงาน"เภสัชกรยิปซี" ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ /อักษร จุฬาฯ 30 ส.ค.52 และรวมข่าว ดร.กฤษณา เรียกข้อมูลวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552
18. นิตยสารคู่สร่างคู่สม ฉบับที่ 565. กรุงเทพมหานคร : [ม.ป.พ.], 2550.


เหตุผลที่ชอบเพราะ
ท่านเป็นบุคคลที่มีความอดทน ความอุตสาหะ และยังมีจิตสาธารณะ เป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก
โดยใช้ความสามารถนั้นทำประโยชน์เพื่อสังคมและส่วนรวม เช่น การช่วยชาวแอฟริกาในการผลิตยาต้านโรคเอดส์ เป็นต้น  และไม่หาแต่ประโยชน์ส่วนตัวเหมือนคนที่มีความสามารถคนอื่นๆ
บทสัมภาษณ์


จากเว็บ http://www.krisana.org/
ขอบคุณจากใจ ....... ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์
ขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่ได้มารวมกลุ่มกันจัดสร้างเว็ปไซต์ www.krisana.org ขึ้นมา
โดย ส่วนตัวแล้ว ดิฉันไม่เคยคิดที่จะประชาสัมพันธ์งานที่เคยทำหรือที่กำลังทำอยู่ให้ใครรับ ทราบ เพราะถือว่า เมื่อได้ผลิตยาต้านเอดส์หรือมาลาเรีย ทั้งในประเทศไทยและในบางประเทศในทวีปแอฟริกาแล้ว ผู้ป่วยได้รับยา หรือคนท้องถิ่นสามารถผลิตยารักษาคนของเขาเองได้นับเป็นล้านๆ คน ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของดิฉัน
ความสุขและความภูมิใจเกิดขึ้นตรงนั้น ไม่สามารถบรรยายความสุขเหล่านี้ให้ใครรับทราบได้ จนกว่าท่านจะสัมผัสด้วยตนเอง แต่ เมื่ออาสาสมัครกลุ่มหนึ่งต้องการจัดทำเว็ปไซต์นี้ขึ้นมา ซึ่งนอกเหนือจากที่ต้องการทำกิจกรรมเพื่อสนับสนุนงานของดิฉันแล้ว ยังต้องการให้กำลังใจเพื่อนร่วมโลกของเราที่ต้องต่อสู้กับโรคเอดส์นี้อีก ด้วยนี่ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะดิฉันอยากให้ทุกคนสร้างความเข้าใจให้สังคมยอมรับผู้ป่วยเอดส์มากขื้น ว่า เขาป่วยเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง มิใช่โรคที่สังคมควรรังเกียจ ประนาม เพิกเฉย หรือ ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนมิใช่คน
ดิฉันคิดว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ อย่าเพิ่งท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต ดิฉันจะอยู่ที่นี่และขอให้กำลังใจทุกท่านเสมอ ดิฉันขอขอบคุณในกิจกรรมที่ทุกท่านได้สร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วและสวยงามมากในสายตาของดิฉัน
My sincere appreciation
I wish to express my sincere appreciation to all the volunteers who dedicate their free time in creating and running the website: www.krisana.org Personally, I never wanted to publicize my humanitarian work either in Thailand or in Africa. I consider my mission completed once the patients (millions of them) receive the needed antimalarial and anti-retroviral drugs which are manufactured locally by Thai and African personnel whom I’ve trained. My happiness and pride arise out of that mission. It is an indescribable feeling, only those who have experienced it can truly grasp.

I applaud the volunteers of this website whose intention aims at giving moral support to the AIDS patients as well as providing a social network in which people from all walks of life can join and develop friendship. This effort is a positive contribution to our society which I hope would eventually bring about the acceptance of AIDS patients and a vital understanding of them as patients with a certain illness, not people with the disease that society should condemn, shun or discard as if they were not human beings.

It is my unwavering belief that everyone has the right to live. Disappointment and hopelessness sometimes come to our heavy hearts but we should never give up. My thoughts and prayers are always with you.

Thank you and best wishes.


ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์
Dr. Krisana Kraisintu






 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น